cw.in.th > คลังความรู้ > ชีวิตโปรแกรมเมอร์กับ MVC (Model View Controller)
30-Apr-2018

ชีวิตโปรแกรมเมอร์กับ MVC (Model View Controller)

จากประการณ์ของผมที่เคยเขียนโปรแกรมแบบธรรมดา เมื่อเปลี่ยนมาเขียนในรูปแบบ MVC ทำให้ชีวิตการเขียนโปรแกรมง่ายขึ้นมากๆ สามารถทำโปรเจกใหญ่ๆเป็นทีม ร่วมกันได้อย่างสบาย ซึ่งถ้าใครได้เขียน Framework ก็จะรู้ดี 

Model View Controller (MVC) คือ

สถาปัตยกรรมซอฟท์แวร์แบบหนึ่ง ซึ่งในขณะนี้ถือว่าเป็นแบบแผนสถาปัตยกรรม (architectural pattern) ที่ใช้ในสาขาวิศวกรรมซอร์ฟแวร์ รูปแบบ MVC ใช้เพื่อแยกส่วนซอฟท์แวร์ในส่วน ตรรกะเนื้อหา (domain logic) ได้แก่ความเข้าใจในระบบของผู้ใช้ และส่วนการป้อนข้อมูลและแสดงผล (GUI) ซึ่งช่วยให้การพัฒนา การทดสอบ และการดูแลรักษาซอฟท์แวร์ แยกออกจากกัน มีดังนี้

Model = M

โมเดล (Model) หมายถึง ส่วนของซอฟท์แวร์ที่ใช้ในการแปลการทำงานของระบบ ไปสู่สิ่งที่ระบบซอฟท์แวร์ได้ถูกออกแบบเอาไว้ ตรรกะเนื้อหาใช้เพื่อให้ความหมายแก่ข้อมูลดิบ (ยกตัวอย่างเช่น การคำนวณว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผู้ใช้หรือไม่, หรือจำนวนเงินรวม ภาษี และค่าส่งสินค้า ในตะกร้าสินค้า) เมื่อโมเดลมีการเปลี่ยนแปลง จะมีการส่งคำเตือนให้แก่ วิว ที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับค่าระบบซอฟท์แวร์หลายระบบใช้การเก็บข้อมูลถาวร เช่น ฐานข้อมูล เพื่อเก็บข้อมูลเหล่านี้ MVC ไม่ได้กำหนดถึงระดับการเข้าถึงข้อมูล เพราะเป็นที่เข้าใจกันว่าส่วนนี้จะอยู่ภายใต้ หรือถูกครอบคลุมด้วยโมเดล โมเดลไม่ได้เป็นเพียงอ๊อบเจ็คที่ใช้เข้าถึงข้อมูล แต่ในระบบซอฟท์แวร์เล็กๆ ซึ่งมีความซับซ้อนน้อยจะไม่เห็นความแตกต่างมากนัก

View = V

วิว (View) แสดงผลค่าต่างๆออกมาบนหน้าจอ ในรูปแบบที่เหมาะสมต่อถูกต้องให้กับผู้ใช้ ในแต่ละโมเดลสามารถมีวิวได้หลายแบบ เพื่อใช้ในจุดประสงค์ที่ต่างกัน

Controller = C

คอนโทรลเลอร์ (Controller) รับค่าคำสั่งเข้ามา และทำการตอบสนองโดยเรียกใช้ออบเจคในโมเดล แอพพลิเคชั่นที่ใช้ MVC อาจจะเป็นกลุ่มของ โมเดล/วิว/คอนโทรลเลอร์ โดยแต่ละกลุ่มใช้ในงานต่างกันไป MVC มักจะพบได้ในเว็บแอพพลิเคชันโดย วิว จะเป็น HTML หรือ XHTML ที่สร้างโดยแอพพลิเคชั่นนั้น ส่วนคอนโทรลเลอร์รับค่า GET หรือ POST เข้ามา แล้วเลือกติดต่อกับโมเดลในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อตอบสนอง โมเดลซึ่งมี business rules จะทำการจัดการตามคำร้องขอนั้นๆ

ภาพรวมของรูปแบบ MVC

แม้ว่า MVC จะมีรูปแบบต่างกันไป แต่ control flow จะเป็นดังนี้
  1. ผู้ใช้ทำการตอบโต้ กับ user interface ในทางใดทางหนึ่ง
  2. คอนโทรลเลอร์ จัดการ event ที่เกิดขึ้นจาก user interface มักจะโดย handler ที่ได้สร้างเอาไว้ หรือ callback แล้วแปลง event เป็นการกระทำของผู้ใช้ที่เหมาะสม ซึ่งเข้าใจได้ด้วยโมเดล
  3. คอนโทรลเลอร์ แจ้งโมเดลถึงการกระทำของผู้ใช้ เช่นอาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนสถานะในโมเดล (ยกตัวอย่างเช่น คอนโทรลเลอร์ปรับปรุงตะกร้าสินค้าของผู้ใช้)
  4. วิว ถามโมเดลเพื่อที่จะสร้างการแสดงผลที่เหมาะสมแก่ผู้ใช้ (ยกตัวอย่างเช่น วิวแสดงรายการสินค้าในตะกร้าสินค้า) โดยวิวได้ข้อมูลมาจากโมเดล ในบางรุปแบบของ MVC คอนโทรลเลอร์อาจจะให้คำสั่งแก่วิวด้วย หรือบางรูปแบบ วิวจะได้รับการบอกจากโมเดลถึงการเปลี่ยนแปลง
  5. user interface รอการปฏิสัมพันธ์จากผู้ใช้ ซึ่งจะกลับเข้าสู่วงจรในขั้นแรกในบางรูปแบบของ MVC เช่นใน W3C XForms ใช้หลักการของ dependency graph เพื่อให้เกิดการปรับปรุงวิวโดยอัติโนมัติ เมื่อข้อมูลในโมเดลเปลี่ยนแปลง ด้วยการแยกโมเดลและวิวออกจากกัน MVC ช่วยให้ความซับซ้อนในการออกแบบลดลง และเพิ่มความคล่องตัวและการนำโค้ดกลับมาใช้ใหม่ (Code reuse) 

MVC ได้ถูกอธิบายครั้งแรกในปีคศ. 1979 โดย Trygve Reenskaug ซึ่งในระหว่างนั้นได้ทำงานเกี่ยวกับภาษา Smalltalk ที่บริษัท Xerox PARC. การนำไปใช้แบบดั้งเดิม ได้ถูกอธิบายอย่างละเอียดในเป-เปอร์ที่สำคัญชื่อ "Applications Programming in Smalltalk-80: How to use Model–View–Controller".หลังจากนั้นได้มีรูปแบบของ MVC แยกย่อยออกมาหลายแบบด้วยกัน ตัวอย่างเช่น Model View Presenter ถูกนำไปใช้ใน .NET Framework แต่ MVCแบบมาตรฐานก็ยังคงเป็นที่นิยมอยู่

เขียน Framework ...

- Codeigniter Framework
- Yii Framework
- Kohana Framework

และอีกมากมายที่่ใช้รูปแบบ MVC



3384 View

ดูคลังความรู้ทั้งหมด





กรมพัฒนาธุรกิจการค้า Trustmarkthai  Thailand Web Stat
Scroll To Top