มารู้จัก Facebook Pixel กันเถอะ
Facebook Pixel คือ ระบบ Tracking ของ Facebook ที่ใช้ติดตั้ง บนเว็บไซต์ ของคุณ เพื่อติดตาม พฤติกรรม การใช้งาน ของผู้เยี่ยมชม โดยข้อมูลที่ได้ สามารถนำไปใช้ กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ในการโฆษณา ในแบบที่ละเอียด มากขึ้น ซึ่งในระบบของ Facebook เรียกว่า Custom Audience ส่งผลให้ แสดงโฆษณา ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย มากขึ้น
ขั้นตอนการสร้าง Facebook Pixel
1.Login เข้า Facebook จากนั้น ไปที่แถบเมนู บริเวณด้านบน แล้วคลิ้กที่เมนู Create Ads
2.คลิ้กที่เมนู Ads Manager บริเวณมุมซ้าย ด้านบน จากนั้น คลิ้กที่เมนูที่เขียนว่า Pixels
3.ในหน้าจอที่แสดงขึ้นมา ให้คลิ้กที่ปุ่ม Create a Pixel
4.ตั้งชื่อให้กับ Pixel แนะนำให้กำหนด ตามชื่อธุรกิจของคุณ
วิธีติดตั้ง Facebook Pixel บนเว็บไซต์
ก่อนใช้งาน Facebook Pixel คุณจะต้องติดตั้ง Pixel Code บนเว็บไซต์ ของคุณ ให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งระบบของ Facebook จะมีให้เลือกว่า คุณจะติดตั้งแบบ Manual หรือแบบ Integration
Facebook Pixel ใช้ทำอะไร ?
1. Website Custom Audience (การสร้างกลุ่มเป้าหมายจากที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์) Function นี้มีความสำคัญมาก ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายให้เกิดโอกาสปิดการขายได้มากยิ่งขึ้น
2. Standard Events (เพื่อบอก Facebook เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนไซต์) การทำ Standard Events จะต้องทำการสร้างโค้ดพิเศษ เพื่อบอก Facebook เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนไซต์ ซึ่งสามารถเช็ตเฉพาะ Standard เว็บไซต์เท่านั้น ดังนี้ - Search - View Content - Add to Cart - Add to Wishlist - Initiate Checkout - Add Payment Info - Purchase - Lead - Complete Registration
3. Custom Conversions (เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับกิจกรรมที่ลูกค้าทำในเวปไซด์ให้กับ Facebook) เป็นการสร้าง Event พิเศษนี้เพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึก เข้าไปในหน้าเฉพาะเจาะจง Facebook จะรู้ว่าเมื่อใดที่มีคนเข้าเว็ปไซต์เรา และคนผู้เข้าไปดูหน้าไหนบ้าง
4. Conversion Tracking (เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึก ในการทำ Report) เมื่อทำการสร้าง Standard Events หรือ Custom Conversions แล้ว Facebook จะรับรู้ถึง Conversion ที่เราตั้งตามการเดินทางบนเว็บไซต์ของลูกค้าและเมื่อใดที่มีคนทำตาม Standard Events หรือ Custom Conversions ที่เราตั้งไว้ Facebook จะทำการแจ้งเตือนให้ทราบ
5. Conversion Optimization (ผลลัพธ์การโฆษณา มีประสิทธิภาพสูงขึ้น) เมื่อติด Pixel บนเว็ปไซต์แล้ว Facebook จะรู้จัก Conversion ที่เราตั้ง Facebook มันจะเข้าใจสิ่งที่ผู้คนทำบนเว็บไซต์ และ Facebook จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการโฆษณาให้กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้เท่านั้น
6. Dynamic Ads (ไม่ต้องมาเสียเวลาสร้างโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจงทุกสินค้า) สำหรับเว็บไซต์ที่เป็น E-Commerce มีสินค้าหลากหลายในเว็บไซต์ มันอาจจะเป็นการเสียเวลาหากจะมานั่งสร้างโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับคนที่เข้าไปในเว็บไซต์ของแต่ละสินค้า แต่ด้วย แต่ด้วย Pixel และ Standard Events คุณสามารถสร้าง Dynamic Ad ได้ ซึ่งได้เก็บข้อมูล Audience และจัดลงโฆษณา Conversion ใน Ads ซึ่งจะขึ้นกับพฤติกรรมของผู้เข้าเว็บไซต์เรา สำหรับเพจที่มีเว็บไซต์ E- Commerce Facebook Pixel เป็นตัวช่วยที่จะทำให้คุณสามารถประเมินและวัดผลการเข้าใช้งานเว็บไซต์ผ่านข้อมูลสถิติเชิงลึกที่เก็บได้จากหน้าที่ถูกติด pixel ทำให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการปรับแต่งโฆษณาที่อยู่บน Facebook ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย